วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567

การรับแรงดันและคุณสมบัติของท่อ HDPE ในงานวางท่อส่งน้ำ

         ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องท่อ HDPE (High-Density Polyethylene) กันครับ ท่อ HDPE นั้นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการวางท่อส่งน้ำด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา และความยืดหยุ่นสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานวางท่อส่งน้ำหลากหลายรูปแบบ

ทำความรู้จักกับท่อ HDPE

          ท่อ HDPE ผลิตจากพลาสติกประเภท Polyethylene ที่มีความหนาแน่นสูง จึงมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงดันได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น

  • ทนทานต่อการกัดกร่อน: ท่อ HDPE ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน และทนทานต่อสารเคมี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
  • น้ำหนักเบา: ท่อ HDPE มีน้ำหนักเบากว่าท่อโลหะ ทำให้สะดวกในการขนส่งและติดตั้ง
  • มีความยืดหยุ่นสูง: ท่อ HDPE สามารถโค้งงอได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีความโค้งหรือต้องการความยืดหยุ่น
  • อายุการใช้งานยาวนาน: ท่อ HDPE มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 50 ปี จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

การรับแรงดันของท่อ HDPE

ท่อ HDPE สามารถรับแรงดันได้หลากหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของวัสดุและขนาดของท่อ โดยทั่วไปท่อ HDPE ที่ใช้ในงานวางท่อส่งน้ำจะมีค่า SDR (Standard Dimension Ratio) ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อต่อความหนาของผนังท่อ ยิ่งค่า SDR ต่ำเท่าไหร่ ท่อก็จะยิ่งมีความหนาและรับแรงดันได้สูงขึ้นเท่านั้น

ในการเลือกท่อ HDPE ที่เหมาะสมกับงานวางท่อส่งน้ำ ควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น แรงดันใช้งานที่ต้องการ ขนาดของท่อ ระยะทางในการวางท่อ และสภาพแวดล้อมในการใช้งาน โดยสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการเลือกท่อ HDPE ที่เหมาะสมที่สุด

การใช้งานท่อ HDPE ในงานวางท่อส่งน้ำ

ท่อ HDPE สามารถนำไปใช้งานในงานวางท่อส่งน้ำได้หลากหลายรูปแบบ เช่น

  • ระบบประปา: ท่อ HDPE เหมาะสำหรับใช้เป็นท่อส่งน้ำประปา ทั้งในครัวเรือนและในโรงงานอุตสาหกรรม
  • ระบบชลประทาน: ท่อ HDPE สามารถใช้ในการวางระบบชลประทาน เพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูก
  • ระบบระบายน้ำ: ท่อ HDPE สามารถใช้ในการวางระบบระบายน้ำ เพื่อระบายน้ำเสียออกจากอาคารหรือพื้นที่ต่าง ๆ
  • ระบบดับเพลิง: ท่อ HDPE สามารถใช้ในการวางระบบดับเพลิง เพื่อส่งน้ำไปยังหัวดับเพลิงในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้

ข้อดีของการใช้ท่อ HDPE ในงานวางท่อส่งน้ำ

การใช้ท่อ HDPE ในงานวางท่อส่งน้ำมีข้อดีหลายประการ เช่น

  • ลดต้นทุน: ท่อ HDPE มีราคาถูกกว่าท่อโลหะ และน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดค่าขนส่งและติดตั้ง
  • ติดตั้งง่าย: ท่อ HDPE สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ประหยัดเวลาในการติดตั้ง
  • ลดการสูญเสียน้ำ: ท่อ HDPE มีผิวภายในที่เรียบ ทำให้น้ำไหลผ่านได้สะดวกและลดการสูญเสียน้ำ
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ท่อ HDPE ไม่เป็นพิษและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อควรพิจารณาในการใช้ท่อ HDPE

แม้ว่าท่อ HDPE จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาบางประการก่อนนำไปใช้งาน เช่น

  • ทนต่อรังสียูวี: ท่อ HDPE บางชนิดอาจไม่ทนต่อรังสียูวี จึงควรเลือกท่อ HDPE ที่มีสารป้องกันรังสียูวีสำหรับใช้งานกลางแจ้ง
  • การขยายตัวและหดตัว: ท่อ HDPE มีการขยายตัวและหดตัวตามอุณหภูมิ จึงควรพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในการออกแบบระบบ

         ท่อ HDPE เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานวางท่อส่งน้ำ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น ความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา และความยืดหยุ่นสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหาท่อส่งน้ำที่มีคุณภาพและคุ้มค่า ท่อ HDPE เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด



วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ความแตกต่างระหว่างแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์วสิ่งที่คุณต้องรู้

ความแตกต่างระหว่างแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์วสิ่งที่คุณต้องรู้

แอร์วาล์วคืออะไร?

       แอร์วาล์ว (Air Valve) เป็นวาล์วที่ใช้สำหรับการระบายอากาศหรือไล่อากาศออกจากระบบท่อน้ำหรือท่ออื่น ๆ ที่มีการไหลของของเหลว อากาศที่ติดอยู่ในระบบสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งแอร์วาล์วจะช่วยในการระบายอากาศเหล่านี้ออกมาเพื่อให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น

การทำงานของแอร์วาล์ว

       แอร์วาล์วมีการทำงานโดยใช้กลไกภายในที่สามารถเปิดและปิดได้อัตโนมัติตามแรงดันของของเหลวในระบบ เมื่อมีอากาศสะสมในระบบ แอร์วาล์วจะเปิดให้ระบายอากาศออกมา เมื่อไม่มีอากาศสะสมแอร์วาล์วจะปิดเพื่อป้องกันการไหลออกของของเหลว

คอมบิเนชั่นแอร์วาล์วคืออะไร?

       คอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว (Combination Air Valve) เป็นวาล์วที่รวมเอาคุณสมบัติของแอร์วาล์วสองประเภทมาไว้ในตัวเดียว ได้แก่ แอร์รีลีสวาล์ว (Air Release Valve) และแอร์แวคคั่มวาล์ว (Air Vacuum Valve)

การทำงานของคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  1. แอร์รีลีสวาล์ว (Air Release Valve): มีหน้าที่ในการระบายอากาศขนาดเล็กที่สะสมอยู่ในระบบอย่างต่อเนื่อง
  2. แอร์แวคคั่มวาล์ว (Air Vacuum Valve): มีหน้าที่ในการระบายอากาศขนาดใหญ่ที่สะสมอยู่ในระบบในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงแรงดันอย่างรวดเร็ว เช่น การเติมน้ำเข้าสู่ระบบ

ความแตกต่างระหว่างแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  1. คุณสมบัติการใช้งาน: แอร์วาล์วจะทำงานได้เฉพาะการระบายอากาศขนาดเล็ก ในขณะที่คอมบิเนชั่นแอร์วาล์วสามารถทำงานได้ทั้งการระบายอากาศขนาดเล็กและขนาดใหญ่
  2. การติดตั้ง: การติดตั้งแอร์วาล์วมีความซับซ้อนน้อยกว่าคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว เนื่องจากคอมบิเนชั่นแอร์วาล์วมีการรวมเอาวาล์วสองประเภทไว้ในตัวเดียว
  3. การบำรุงรักษา: แอร์วาล์วมีการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่า ในขณะที่คอมบิเนชั่นแอร์วาล์วต้องการการบำรุงรักษาที่ซับซ้อนกว่าเนื่องจากมีการทำงานของวาล์วสองประเภท
  4. ประสิทธิภาพ: คอมบิเนชั่นแอร์วาล์วมีประสิทธิภาพสูงกว่าเนื่องจากสามารถจัดการกับการสะสมของอากาศได้ทั้งในกรณีที่มีการสะสมขนาดเล็กและขนาดใหญ่

ประโยชน์ของแอร์วาล์ว

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ: การระบายอากาศที่สะสมอยู่ในระบบทำให้การไหลของของเหลวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ป้องกันการเกิดฟองอากาศ: ฟองอากาศในระบบสามารถทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้

ประโยชน์ของคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  • ประสิทธิภาพสูงสุด: สามารถจัดการกับอากาศสะสมได้ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
  • ลดความซับซ้อนในการติดตั้ง: การรวมเอาวาล์วสองประเภทไว้ในตัวเดียวช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและการบำรุงรักษา

วิธีเลือกแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  1. ตรวจสอบความต้องการของระบบ: เลือกวาล์วที่เหมาะสมกับความต้องการของระบบ เช่น ปริมาณอากาศสะสมและขนาดของระบบ
  2. เลือกวัสดุที่เหมาะสม: วัสดุของวาล์วควรทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การกัดกร่อน
  3. ตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO หรือ ANSI เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ

การติดตั้งแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  1. เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม: ตำแหน่งที่ติดตั้งวาล์วควรอยู่ในจุดที่สามารถระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จุดสูงสุดของระบบ
  2. การติดตั้งอย่างถูกวิธี: ควรติดตั้งวาล์วตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  3. ตรวจสอบระบบหลังการติดตั้ง: หลังการติดตั้งควรตรวจสอบระบบเพื่อให้แน่ใจว่าวาล์วทำงานได้อย่างถูกต้อง

การบำรุงรักษาแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  1. การตรวจสอบประจำ: ตรวจสอบวาล์วอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  2. การทำความสะอาด: ทำความสะอาดวาล์วเพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้การทำงานของวาล์วเสียหาย
  3. การเปลี่ยนอะไหล่: หากวาล์วมีการชำรุดควรเปลี่ยนอะไหล่ทันทีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระบบ

แบรนด์ที่น่าเชื่อถือสำหรับแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์ว

  • Val-Matic Valve & Manufacturing: มีชื่อเสียงในด้านการผลิตวาล์วที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ
  • Cla-Val: เป็นผู้ผลิตวาล์วที่มีประสบการณ์มากกว่า 80 ปี และมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
  • A.R.I. Flow Control Accessories Ltd.: มีความเชี่ยวชาญในการผลิตแอร์วาล์วและคอมบิเนชั่นแอร์วาล์วที่มีคุณภาพสูง

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ทำความรู้จักกับประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อใต้ดิน(Underground Butterfly Valve)

 ประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อใต้ดิน(Underground Butterfly Valve)

       หากคุณกำลังมองหาวิธีควบคุมการไหลของน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ ภายในระบบท่อใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ "ประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อชนิดใต้ดิน" คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในปัจจุบัน ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ทนทาน และใช้งานง่าย ประตูน้ำชนิดนี้จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร อุตสาหกรรม ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานของเมือง

       ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อชนิดใต้ดิน ตั้งแต่หลักการทำงาน ประเภท วัสดุที่ใช้ ไปจนถึงขั้นตอนการติดตั้ง การบำรุงรักษา และการแก้ไขปัญหาที่พบบ่อย เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและสามารถตัดสินใจเลือกใช้ประตูน้ำชนิดนี้ได้อย่างมั่นใจ

หลักการทำงานที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

       ประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อชนิดใต้ดินทำงานโดยอาศัยแผ่นลิ้นรูปวงกลมที่หมุนรอบแกนกลาง เมื่อลิ้นอยู่ในตำแหน่งขนานกับท่อ ของเหลวจะไหลผ่านได้อย่างอิสระ แต่เมื่อลิ้นหมุนมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับท่อ การไหลของของเหลวจะถูกปิดกั้น การควบคุมการเปิด-ปิดของลิ้นสามารถทำได้ทั้งแบบแมนนวล (ด้วยมือ) หรือแบบอัตโนมัติ (ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า) ขึ้นอยู่กับความต้องการและขนาดของระบบ

ประเภทและวัสดุ: เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ประตูน้ำลิ้นปีกผีเสื้อใต้ดินมีให้เลือกหลากหลายประเภทและวัสดุ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

ประเภทตามการใช้งาน:
  • ประตูน้ำทั่วไป (Wafer Type): เหมาะสำหรับระบบที่มีแรงดันต่ำถึงปานกลาง
  • ประตูน้ำชนิดหน้าแปลน (Lug Type): เหมาะสำหรับระบบที่มีแรงดันสูงและต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
วัสดุ:
เหล็กหล่อ (Cast Iron): ทนทาน ราคาประหยัด เหมาะสำหรับน้ำทั่วไป เหล็กหล่อเหนียว (Ductile Iron): แข็งแรงกว่าเหล็กหล่อ ทนต่อแรงดันและอุณหภูมิได้ดี สแตนเลส (Stainless Steel): ทนต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน PVC หรือพลาสติกอื่น ๆ: น้ำหนักเบา ราคาถูก เหมาะสำหรับน้ำที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567

การต่อท่อเหล็กเหนียวโดยใช้หน้าจาน

 การวางท่อเหล็กเหนียวโดยต่อท่อแบบใช้หน้าจานตาดี : ความแข็งแรงและความน่าเชื่อถือที่เหนือกว่า

          สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับการวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้การต่อท่อแบบหน้าจาน ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากความแข็งแรง ทนทาน และความน่าเชื่อถือที่เหนือกว่า

ทำไมต้องต่อท่อแบบหน้าจาน?

  • ความแข็งแรง: การต่อท่อแบบหน้าจานให้ความแข็งแรงในการเชื่อมต่อสูงมาก สามารถทนต่อแรงดันและแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม
  • ความทนทาน: วัสดุที่ใช้ทำหน้าจานมักเป็นเหล็กที่มีคุณภาพสูง ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนและมีอายุการใช้งานยาวนาน
  • ความน่าเชื่อถือ: การต่อท่อแบบหน้าจานเป็นวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความน่าเชื่อถือสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบท่อที่มีความสำคัญ
  • ความยืดหยุ่น: สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของท่อได้เล็กน้อย เพื่อรองรับการขยายตัวหรือหดตัวของท่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
  • ง่ายต่อการบำรุงรักษา: สามารถถอดและประกอบใหม่ได้ง่าย ทำให้สะดวกต่อการบำรุงรักษาและซ่อมแซม

ขั้นตอนการวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้การต่อท่อแบบหน้าจาน

  1. เตรียมพื้นที่: ตรวจสอบพื้นที่ให้เรียบร้อย และเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ประแจแรงบิด, เครื่องตัดท่อ, และอุปกรณ์ยก
  2. ตัดท่อ: ตัดท่อเหล็กเหนียวตามขนาดที่ต้องการ และทำความสะอาดปลายท่อให้เรียบร้อย
  3. ติดตั้งหน้าแปลน: เชื่อมหน้าแปลนเข้ากับปลายท่อทั้งสองด้าน โดยให้แน่ใจว่าหน้าแปลนอยู่ในแนวเดียวกัน
  4. ติดตั้งปะเก็น: วางปะเก็นระหว่างหน้าแปลนทั้งสอง เพื่อป้องกันการรั่วซึม
  5. ขันน็อต: ใช้ประแจแรงบิดขันน็อตให้แน่นตามค่าที่กำหนด
  6. ตรวจสอบการรั่วซึม: ทำการทดสอบแรงดันเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากพบการรั่วซึมให้ทำการแก้ไขทันที

ข้อควรระวัง

  • เลือกหน้าแปลนและปะเก็นที่เหมาะสม: ควรเลือกหน้าแปลนและปะเก็นที่มีขนาดและมาตรฐานตรงกับท่อที่ใช้งาน และเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
  • ตรวจสอบคุณภาพ: ควรเลือกหน้าแปลนและปะเก็นที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำ: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการติดตั้งจากผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด

          การวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้การต่อท่อแบบหน้าจานเป็นวิธีการที่ได้รับความไว้วางใจในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยความแข็งแรง ทนทาน และความน่าเชื่อถือที่เหนือกว่า หากท่านกำลังมองหาวิธีการวางท่อที่มั่นคงและปลอดภัย การต่อท่อแบบหน้าจานคือคำตอบที่ท่านต้องการ

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve)

วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve): สิ่งที่ควรรู้เพื่อระบบท่อส่งที่สมบูรณ์แบบ

       วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve - PRV) หรือ วาล์ว PRV คืออุปกรณ์สำคัญต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง มีหน้าที่หลักในการควบคุมและรักษาระดับแรงดันน้ำในระบบท่อส่งน้ำและจ่ายน้ำประปาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปลอดภัย และสอดคล้องกับมาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาท่อแตก อุปกรณ์ชำรุด และส่งผลเสียต่อผู้ใช้น้ำ

การทำงานของวาล์วลดแรงดัน

       วาล์ว PRV ทำงานโดยการปรับลดแรงดันน้ำที่ไหลเข้ามาในวาล์วให้ลดลงตามระดับที่ต้องการ โดยอาศัยกลไกภายในวาล์ว เช่น สปริง แผ่นไดอะแฟรม และส่วนควบคุมอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาแรงดันน้ำขาออกให้อยู่ในระดับที่ตั้งไว้

ประโยชน์ของวาล์วลดแรงดัน

  • ปกป้องระบบท่อส่งน้ำ: ลดความเสี่ยงต่อการแตกของท่อและข้อต่อต่างๆ ที่เกิดจากแรงดันน้ำที่สูงเกินไป
  • ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์: ช่วยลดการสึกหรอของอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบประปา เช่น มิเตอร์น้ำ วาล์ว และปั๊ม
  • ลดการสูญเสียน้ำ: ลดการรั่วไหลของน้ำจากท่อที่ชำรุดเนื่องจากแรงดันสูง
  • ควบคุมแรงดันน้ำให้สม่ำเสมอ: ช่วยให้ผู้ใช้น้ำได้รับแรงดันน้ำที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ

การติดตั้งและบำรุงรักษาวาล์วลดแรงดัน

       การติดตั้งวาล์ว PRV ควรทำโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าวาล์วทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ควรเลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม เช่น บริเวณต้นทางของท่อส่งน้ำ และทำการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทำความสะอาด ตรวจสอบการรั่วไหล และเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย

การเลือกวาล์วลดแรงดันที่เหมาะสม

การเลือกวาล์ว PRV ที่เหมาะสมกับระบบประปาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:

  • ขนาดของท่อ: เลือกวาล์วที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของท่อส่งน้ำ
  • แรงดันน้ำ: เลือกวาล์วที่สามารถทนต่อแรงดันน้ำสูงสุดในระบบ
  • อัตราการไหล: เลือกวาล์วที่มีขนาดเหมาะสมกับอัตราการไหลของน้ำในระบบ
  • วัสดุ: เลือกวาล์วที่ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและทนต่อแรงดันสูง เช่น เหล็กหล่อเหนียว  เหล็กหล่อ ทองเหลือง หรือสแตนเลส
  • มาตรฐานและการรับรอง: ควรเลือกวาล์วที่มีมาตรฐานและการรับรองที่เชื่อถือได้ เช่น มอก. หรือ ISO

ข้อควรระวังในการใช้งานวาล์วลดแรงดัน

  • ตรวจสอบการทำงานเป็นประจำ: ตรวจสอบการทำงานของวาล์ว PRV เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าแรงดันน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • บำรุงรักษาตามกำหนดเวลา: ทำความสะอาดและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายตามคำแนะนำของผู้ผลิต
  • ติดตั้งวาล์วกันกลับ (Check Valve): เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของน้ำในระบบ

       วาล์วลดแรงดัน (PRV) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของระบบท่อส่งน้ำ การเลือกใช้งาน ติดตั้ง และบำรุงรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบประปาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567

การวางท่อเหล็กเหนียวโดยต่อท่อแบบใช้ Mcanical Coupling

การวางท่อเหล็กเหนียวโดยต่อท่อแบบใช้ Mechanical Coupling : ทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ

       สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับการวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้ Mechanical Coupling ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการก่อสร้าง ด้วยข้อดีที่เหนือกว่าการเชื่อมแบบเดิม ทำให้ Mechanical Coupling กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับโครงการที่ต้องการความรวดเร็วและประสิทธิภาพ

ทำไมต้อง Mechanical Coupling?

  • ติดตั้งง่าย รวดเร็ว: ไม่ต้องใช้ความร้อนหรืออุปกรณ์เชื่อม ทำให้กระบวนการติดตั้งทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการเชื่อมแบบเดิม
  • ลดความเสี่ยง: ไม่ต้องกังวลเรื่องประกายไฟหรือความร้อนสูง จึงปลอดภัยกว่าการเชื่อมแบบเดิม
  • ทนทานต่อการกัดกร่อน: วัสดุที่ใช้ผลิต Mechanical Coupling มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
  • รองรับการขยายตัวและหดตัว: ด้วยคุณสมบัติยืดหยุ่นของ Mechanical Coupling สามารถรองรับการขยายตัวและหดตัวของท่อได้ดี
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: เมื่อเทียบกับการเชื่อมแบบเดิม Mechanical Coupling ช่วยประหยัดค่าแรงและเวลาในการติดตั้งclip_image002

 แสดงการวางท่อและต่อท่อด้วย Mcanical Coupling

 ขั้นตอนการวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้ Mechanical Coupling

  1. เตรียมพื้นที่: ตรวจสอบพื้นที่ให้เรียบร้อย และเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ประแจเลื่อน, คีมล็อค, และน้ำยาหล่อลื่น
  2. ตัดท่อ: ตัดท่อเหล็กเหนียวตามขนาดที่ต้องการ และทำความสะอาดปลายท่อให้เรียบร้อย
  3. ติดตั้ง Coupling: สวม Coupling เข้ากับปลายท่อทั้งสองด้าน และขันน็อตให้แน่น
  4. ตรวจสอบการรั่วซึม: ทำการทดสอบแรงดันเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากพบการรั่วซึมให้ทำการแก้ไขทันที

ข้อควรระวัง

  • เลือก Coupling ที่เหมาะสม: ควรเลือก Coupling ที่มีขนาดและมาตรฐานตรงกับท่อที่ใช้งาน
  • ตรวจสอบคุณภาพ: ควรเลือก Coupling ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำ: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการติดตั้งจากผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด

          การวางท่อเหล็กเหนียวโดยใช้ Mechanical Coupling เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อดีที่เหนือกว่าการเชื่อมแบบเดิม ทำให้ Mechanical Coupling เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับโครงการที่ต้องการความรวดเร็วและประสิทธิภาพ หากท่านกำลังมองหาวิธีการวางท่อที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ Mechanical Coupling คือคำตอบที่ท่านต้องการ

  

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ท่อ HDPE สามารถใช้กับน้ำดื่มได้หรือไม่?

วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันเกี่ยวกับเรื่องที่หลายคนอาจสงสัยกัน นั่นก็คือ "ท่อ HDPE สามารถใช้กับน้ำดื่มได้หรือไม่?" คำถามนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะน้ำดื่มเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตและสุขภาพของเรา ดังนั้น เราต้องมั่นใจว่าท่อที่ใช้ส่งน้ำดื่มนั้นปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ท่อ HDPE คืออะไร?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับท่อ HDPE (High-Density Polyethylene) กันก่อนนะครับ ท่อ HDPE เป็นท่อพลาสติกชนิดหนึ่งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก Polyethylene ที่มีความหนาแน่นสูง จึงมีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงดัน และทนทานต่อสารเคมีได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น

  • น้ำหนักเบา: ทำให้สะดวกในการขนส่งและติดตั้ง
  • มีความยืดหยุ่นสูง: สามารถโค้งงอได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีความโค้ง
  • ไม่เป็นสนิม: ไม่ต้องกังวลเรื่องการผุกร่อน
  • อายุการใช้งานยาวนาน: สามารถใช้งานได้นานหลายสิบปี

ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายเหล่านี้ ทำให้ท่อ HDPE ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในงานวางท่อส่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบประปา ระบบชลประทาน หรือแม้กระทั่งระบบดับเพลิง แต่คำถามสำคัญก็คือ ท่อ HDPE นั้นปลอดภัยสำหรับใช้กับน้ำดื่มหรือไม่?

ท่อ HDPE กับความปลอดภัยของน้ำดื่ม

ข่าวดีก็คือ ท่อ HDPE ที่ผลิตตามมาตรฐานและได้รับการรับรอง สามารถใช้กับน้ำดื่มได้อย่างปลอดภัยครับ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า

  1. ไม่ปล่อยสารพิษ: ท่อ HDPE ที่มีคุณภาพจะไม่ปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพลงสู่น้ำดื่ม
  2. ไม่ทำให้น้ำมีกลิ่นหรือรสชาติเปลี่ยน: ท่อ HDPE จะไม่ทำให้น้ำดื่มมีกลิ่นหรือรสชาติเปลี่ยนแปลงไป
  3. ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย: ผิวภายในของท่อ HDPE ที่เรียบเนียนจะช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก

มาตรฐานและการรับรอง

เพื่อให้มั่นใจว่าท่อ HDPE ที่เราเลือกใช้กับน้ำดื่มนั้นปลอดภัย ควรเลือกใช้ท่อที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น

  • NSF/ANSI 61: เป็นมาตรฐานที่รับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยสำหรับใช้กับน้ำดื่ม
  • มอก. 982-2548: เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ของประเทศไทย สำหรับท่อพลาสติกชนิด Polyethylene (PE) ที่ใช้กับน้ำดื่ม

ข้อควรระวังในการเลือกใช้ท่อ HDPE กับน้ำดื่ม

แม้ว่าท่อ HDPE ที่ได้มาตรฐานจะปลอดภัยสำหรับใช้กับน้ำดื่ม แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่เราควรทราบ

  1. เลือกใช้ท่อ HDPE ที่ผลิตจากวัสดุ Food Grade: ท่อ HDPE ที่ใช้กับน้ำดื่มควรผลิตจากวัสดุ Food Grade ซึ่งเป็นวัสดุที่ปลอดภัยสำหรับสัมผัสกับอาหาร
  2. ตรวจสอบสัญลักษณ์ NSF/ANSI 61 หรือ มอก. 982-2548: ก่อนซื้อท่อ HDPE ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีสัญลักษณ์ NSF/ANSI 61 หรือ มอก. 982-2548 กำกับอยู่
  3. เลือกใช้ท่อ HDPE ที่มีคุณภาพจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้: ควรเลือกซื้อท่อ HDPE จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

การติดตั้งและบำรุงรักษาท่อ HDPE

การติดตั้งและบำรุงรักษาท่อ HDPE อย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบส่งน้ำดื่มของเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

  • การติดตั้ง: ควรให้ช่างผู้ชำนาญทำการติดตั้งท่อ HDPE เพื่อป้องกันการรั่วซึมและปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
  • การบำรุงรักษา: ควรตรวจสอบสภาพท่อ HDPE เป็นประจำ และทำความสะอาดตามคำแนะนำของผู้ผลิต

สรุป

ท่อ HDPE ที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรอง สามารถใช้กับน้ำดื่มได้อย่างปลอดภัยครับ แต่เราควรเลือกใช้ท่อ HDPE ที่ผลิตจากวัสดุ Food Grade และมีสัญลักษณ์ NSF/ANSI 61 หรือ มอก. 982-2548 กำกับอยู่ นอกจากนี้ การติดตั้งและบำรุงรักษาท่อ HDPE อย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบส่งน้ำดื่มของเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

ประตูน้ำเกตุวาล์ว: การทำงานและคุณสมบัติที่ควรรู้

ประตูน้ำเกตุวาล์ว: การทำงานและคุณสมบัติที่ควรรู้ในระบบท่อส่งและจ่ายน้ำประปา

        ประตูน้ำเกตุวาล์ว หรือที่เรียกกันว่าเกทวาล์ว (Gate Valve) เป็นส่วนสำคัญในระบบท่อส่งและจ่ายน้ำประปาที่ใช้ในการควบคุมการไหลของน้ำ วาล์วประเภทนี้มีการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณสมบัติหลายอย่างที่เหมาะสมกับการใช้งานในระบบประปา

วิธีการทำงานของประตูน้ำเกตุวาล์วในระบบประปา

       การทำงานของ ประตูน้ำเกตุวาล์ว ใช้หลักการเปิด-ปิด โดยการยกหรือลดแผ่นประตูที่อยู่ภายในวาล์ว เมื่อแผ่นประตูถูกยกขึ้น น้ำสามารถไหลผ่านท่อได้อย่างอิสระ ในขณะที่เมื่อแผ่นประตูถูกลดลง จะปิดการไหลของน้ำ

       ในระบบท่อส่งและจ่ายน้ำประปา วาล์วประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการการเปิด-ปิดเต็มที่ เช่น การควบคุมการจ่ายน้ำในท่อเมนหลัก หรือการปิดน้ำเพื่อซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาท่อในบางส่วน

คุณสมบัติของประตูน้ำเกตุวาล์วในระบบประปา

  1. ความทนทานสูง: วาล์วประเภทนี้ทำจากวัสดุที่มีความทนทาน เช่น เหล็กหล่อหรือทองเหลือง ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมในระบบประปาได้ดี
  2. การบำรุงรักษาง่าย: การดูแลรักษาและซ่อมแซมประตูน้ำเกตุวาล์วนั้นไม่ซับซ้อน สามารถถอดออกมาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ง่าย
  3. ทนต่อความดันสูง: ประตูน้ำเกตุวาล์วสามารถทนต่อความดันสูงได้ ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในระบบท่อส่งน้ำหลักที่มีแรงดันสูง
  4. ความสามารถในการปิดแน่น: วาล์วนี้สามารถปิดได้อย่างแน่นหนา ลดการรั่วซึมของน้ำ ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานและช่วยประหยัดน้ำในระบบประปา

การติดตั้งและการบำรุงรักษาประตูน้ำเกตุวาล์วในระบบประปา

       การติดตั้ง ประตูน้ำเกตุวาล์ว ควรทำโดยผู้ชำนาญการเพื่อให้แน่ใจว่าวาล์วถูกติดตั้งอย่างถูกต้องและสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในขั้นตอนการติดตั้ง ควรตรวจสอบความสะอาดของท่อและวาล์วก่อนการติดตั้งเพื่อป้องกันการอุดตัน

      ในการบำรุงรักษา ควรทำความสะอาดวาล์วอย่างสม่ำเสมอและตรวจสอบการทำงานของแผ่นประตู เพื่อป้องกันการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของวาล์ว นอกจากนี้ ควรตรวจสอบการรั่วซึมและการทำงานของวาล์วในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าวาล์วสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

การเลือกซื้อประตูน้ำเกตุวาล์วสำหรับระบบประปา

       ในการเลือกซื้อ ประตูน้ำเกตุวาล์ว สำหรับระบบท่อส่งและจ่ายน้ำประปา ควรพิจารณาจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต ความทนทานต่อความดัน และการรองรับอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการใช้งานในระบบประปา นอกจากนี้ยังควรพิจารณาจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ในตลาด

       ประตูน้ำเกตุวาล์ว เป็นวาล์วที่มีบทบาทสำคัญในระบบท่อส่งและจ่ายน้ำประปา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการควบคุมการไหลของน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและการบำรุงรักษาที่ง่าย วาล์วประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมใช้ในหลายๆ ระบบท่อประปา หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานและคุณสมบัติของประตูน้ำเกตุวาล์วในระบบประปาได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานของคุณได้ครับ


วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

มาตรฐานท่อเหล็กเหนียว(Steel Pipe)

ท่อเหล็กเหนียวที่ใช้ในงานประปาของการประปาส่วนภูมิภาคนั้นจะใช้ตาม มอก. 427 “ท่อเหล็กกล้าเชื่อมด้วยไฟฟ้าสำหรับส่งน้ำ” ชั้น คุณภาพ ข. หรือ ค. มีคุณสมบัติทนแรงดันได้ไม่น้อยกว่า 10 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ขนาดและมิติที่ใช้มีดังนี้
IMG
ดังนั้น เราสามารถที่จะคำนวณ น้ำหนัก จำนวนเที่ยว การขนส่งท่อออกไปยังหน่วยงานก่อสร้างได้

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567

Combination Air Valve

      Combination Air Valve  เป็นวาล์วที่มีระบบไล่อากาศออกและดึงอากาศเข้าท่อ  มี Large Orifice เท่ากับขนาดของวาล์ว และมี Small Orifice พร้อมอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกของน้ำและอากาศ(Anti-Shock)  วาล์วจะทำงานอัตโนมัติขณะเติมน้ำเข้าท่อและเกิด Column Separation  เป็นวาล์วป้องกันการเกิด Surge และ Water Hammer  ทนความดันใช้งานไม่น้อยกว่า 10 กก./ซม.

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567

การต่อท่อ HDPE แบบ Electro Fusion

     การต่อท่อ HDPE แบบ Electro Fusion เป็นการต่อท่อโดยการหลอมเนื้อท่อกับตัวข้อต่อ เช่น ข้องอ  สามทาง  ข้อต่อตรง ฯลฯ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยมีขดลวดตัวนำกระแสไฟฟ้าจะฝังอยู่ในผนังของตัวข้อต่อ จากนั้นสวมปลายท่อที่จะเชื่อมติดกันเข้าไปในตัวข้อต่อ แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าทางขดลวดตัวนำเพื่อสร้างความร้อนให้เกิดขึ้นบริเวณผนังด้าน ในของตัวข้อต่อ ความร้อนจะทำให้เนื้อท่อและตัวข้อต่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นปล่อยให้เย็น ท่อจะแข็งตัวและเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกัน การเชื่อมวิธีนี้สามารถเชื่อมท่อที่มีขนาดตั้งแต่ 20 มิลลิเมตร จนถึง 400 มิลลิเมตร วิธีการเชื่อมนี้นิยมมากในการเชื่อม ท่อน้ำดื่ม   ท่อก๊าซ
fully-automatic-electro-fusion-control-box


ข้อดีของการต่อท่อด้วยวิธี Electro Fusion

1.ใช้งานง่ายในพื้นที่แคบๆ เช่น ย่านชุมชน
2. เคลื่อนย้ายสะดวก เนื่องจากมีน้ำหนักเบา
3. สะดวกในการใช้งานเนื่องจากใช้แหล่งจ่ายไฟกระแสสลับ220 v
4. เหมาะสำหรับในงานซ่อมท่อ
download






วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567

รายงานการเชื่อมท่อ HDPE DATA LOGGER

      รายงานการเชื่อมท่อ HDPE แบบคอมพิวเตอร์ควบคุม(DATA LOGGER) เป็นข้อกำหนดสำหรับงานเชื่อมท่อ HDPE ของการประปาส่วนภูมิภาค  เดิมการเชื่อมท่อ HDPE จะใช้แรงงานคนสังเกตจากตะเข็บแนวท่อและต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ปัจจุบันการเชื่อมท่อ HDPE จะใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมขั้นตอนการเชื่อม(LDU) ออกรายงานผลการเชื่อมที่แม่นยำ น่าเชื่อถือ ทำให้ข้อมูลการเขื่อมที่ได้แน่นอน เกิดความผิดพลาดน้อยจากภาพด้านล่างเป็นตัวอย่างของรายงานผลการเชื่อม ซึ่งจะแสดงรายละเอียดไว้ครบถ้วน
IMG_00061

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567

ตัวอย่างการถอดแบบในงานวางท่อประปา

    ในงานวางท่อประปานั้น การใช้อุปกรณ์ประปาให้เหมาะสมกับบริเวณต่างๆมีความจำเป็นมาก เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนค่าก่อสร้าง และระยะเวลา เนื่องจากต้องใช้เวลาผลิต ดังนั้นผมขอยกตัวอย่างการถอดแบบอุปกรณ์ดังนี้
clip_image002
แบบแปลนแสดงการติดตั้งอุปกรณ์ในเส้นท่อวางใหม่ตามสัญญา

clip_image004
  แสดงการถอดแบบเพื่อขยายการติดตั้งอุปกรณ์ ตำแหน่ง 11


วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2567

การต่อท่อพีวีซีชนิดต่อด้วยแหวนยาง

 การต่อท่อพีวีซีชนิดต่อด้วยแหวนยาง: เคล็ดลับจากช่างประปามือโปรสู่มือคุณ

     สวัสดีครับเพื่อนๆวันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์และเทคนิคการต่อท่อพีวีซีชนิดต่อด้วยแหวนยางที่ช่างประปามืออาชีพใช้กัน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีความซับซ้อนที่ต้องอาศัยความชำนาญอยู่ไม่น้อย หากทำไม่ถูกต้องอาจเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมตามมาได้

ทำไมต้องต่อท่อพีวีซีด้วยแหวนยาง?

      การต่อท่อพีวีซีด้วยแหวนยางเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษมากมาย แต่ข้อเสียคือหากทำไม่ถูกวิธี แหวนยางอาจปลิ้นและทำให้น้ำรั่วได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาน้ำรั่วที่เกิดจากแหวนยางปลิ้นนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ดังนั้นการใส่ใจในรายละเอียดและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ขั้นตอนการต่อท่อพีวีซีชนิดต่อด้วยแหวนยาง

  1. ทำความสะอาด:เช็ดทำความสะอาดปลายท่อที่จะต่อเข้ากับข้อต่อและแหวนยางให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะร่องของแหวนยาง เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปติดขัด
  2. สอดแหวนยาง:จับแหวนยางให้เป็นรูปหัวใจแล้วสอดเข้าไปในข้อต่อให้ถูกทิศทาง โดยให้ปลายคีบของแหวนยางลู่เข้าไปในท่อ จัดแหวนยางให้นั่งในร่องให้แนบสนิท
  3. ทำเครื่องหมาย:ทำเครื่องหมายแสดงความลึกของการสอดท่อ โดยทั่วไปโรงงานผลิตท่อจะมีเครื่องหมายมาให้แล้ว แต่หากเป็นท่อที่ตัดเองต้องทำเครื่องหมายใหม่
  4. ลบมุมคม:กรณีตัดท่อเอง ให้ลบมุมคมของท่อประมาณ 15 องศา เพื่อป้องกันการปลิ้นของแหวนยาง
  5. ทาน้ำยาหล่อลื่น:ทาน้ำยาหล่อลื่นแหวนยางบริเวณส่วนที่ลบมุมคมของท่อและตัวของแหวนยางที่นั่งในร่องให้ทั่ว
  6. สวมปลายท่อ: สวมปลายท่อที่ทาน้ำยาหล่อลื่นแล้วเข้าไปในข้อต่อ
  7. ดันปลายท่อ: ใช้แรงงานหรือคานงัดดันปลายท่อเข้าไปในข้อต่อให้ถึงเครื่องหมายที่ทำไว้ (ไม่ควรใช้เครื่องจักรดัน เพราะอาจทำให้ปลายท่อแตกได้)
  8. ทำซ้ำ: ทำตามขั้นตอนที่ 1 ถึง 7 ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ: แหวนยางและข้อต่อควรมีคุณภาพดี เพื่อความทนทานและป้องกันการรั่วซึม
  • ตรวจสอบขนาด: ตรวจสอบขนาดของท่อและข้อต่อให้ถูกต้องก่อนเริ่มงาน
  • ใช้แรงพอเหมาะ: ไม่ควรออกแรงมากเกินไปในการดันท่อ เพราะอาจทำให้ท่อแตกได้
  • ทดสอบรอยรั่ว: หลังจากต่อเสร็จแล้ว ควรทดสอบรอยรั่วโดยการเปิดน้ำและตรวจสอบอย่างละเอียด

       การต่อท่อพีวีซีชนิดต่อด้วยแหวนยางอาจดูเหมือนง่าย แต่ก็มีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจ หากทำตามขั้นตอนและเคล็ดลับที่ผมแนะนำ รับรองว่าคุณจะสามารถต่อท่อได้อย่างมืออาชีพและไม่มีปัญหาน้ำรั่วซึมตามมาแน่นอนครับ

 

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567

Repair Clamp อุปกรณ์ซ่อมท่อ HDPE

Repair Clamp (รีแพร์แคลมป์) คืออะไร?

Repair Clamp หรือที่เรียกกันติดปากว่า "รีแพร์แคลมป์" คือ อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ช่วยชีวิตยามท่อ HDPE ของคุณเกิดปัญหาแตก รั่ว หรือชำรุด โดยไม่ต้องเปลี่ยนท่อใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก

 

 clip_image006

 clip_image004

 ทำไมต้องใช้ Repair Clamp?

  • ใช้งานง่าย: ไม่ต้องมีความรู้ช่างมากมายก็ติดตั้งได้ เพียงขันน็อตให้แน่น ก็สามารถหยุดการรั่วไหลได้ทันที
  • รวดเร็ว: ไม่ต้องรอทีมช่างมาซ่อม สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยตัวเอง
  • ประหยัด: ไม่ต้องเปลี่ยนท่อทั้งเส้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก
  • หลากหลาย: มีให้เลือกหลายขนาด เพื่อให้เหมาะกับท่อ HDPE ขนาดต่างๆ

ประเภทของ Repair Clamp

Repair Clamp มี 2 ประเภทหลักๆ คือ:

  1. แบบโลหะ: ทำจากสแตนเลส ทนทานต่อการกัดกร่อนและแรงดันสูง เหมาะสำหรับงานหนักและใช้งานในระยะยาว
  2. แบบพลาสติก: ทำจาก Polypropylene (PP) น้ำหนักเบา ราคาถูก ติดตั้งง่าย แต่ความทนทานอาจไม่เท่าแบบโลหะ

การเลือก Repair Clamp ที่เหมาะสม

ก่อนตัดสินใจซื้อ Repair Clamp ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

  • ขนาดท่อ HDPE: เลือก Repair Clamp ที่มีขนาดพอดีกับท่อ เพื่อให้สามารถยึดและปิดรอยรั่วได้สนิท
  • วัสดุ: เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน หากต้องการความทนทานสูง แนะนำแบบโลหะ แต่ถ้าเน้นราคาประหยัดและติดตั้งง่าย แบบพลาสติกก็เป็นตัวเลือกที่ดี
  • แรงดัน: ตรวจสอบแรงดันใช้งานของท่อ และเลือก Repair Clamp ที่สามารถทนแรงดันได้สูงกว่า เพื่อป้องกันการรั่วซ้ำ
  • คุณภาพ: เลือก Repair Clamp จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

วิธีการติดตั้ง Repair Clamp

การติดตั้ง Repair Clamp ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:

  1. ปิดวาล์วน้ำ: ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับท่อ HDPE เพื่อหยุดการไหลของน้ำ
  2. ทำความสะอาดท่อ: เช็ดทำความสะอาดบริเวณที่ท่อแตกหรือรั่ว ให้แห้งสนิท
  3. สวม Repair Clamp: นำ Repair Clamp สวมเข้ากับท่อ โดยให้ตำแหน่งที่รั่วอยู่ตรงกลางของ Repair Clamp
  4. ขันน็อต: ขันน็อตให้แน่น จน Repair Clamp ยึดกับท่อได้สนิท และไม่มีน้ำรั่วซึมออกมา

ข้อควรระวังในการใช้งาน Repair Clamp

  • ไม่ควรใช้ Repair Clamp กับท่อที่แตกหักเสียหายอย่างรุนแรง: ควรเปลี่ยนท่อใหม่แทน
  • ตรวจสอบ Repair Clamp สม่ำเสมอ: เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงยึดแน่นกับท่อ และไม่มีการรั่วซึม
  • เก็บ Repair Clamp ในที่แห้งและเย็น: เพื่อยืดอายุการใช้งาน

การใช้งาน Repair Clamp

          จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยใช้ Repair Clamp ทั้งแบบโลหะและแบบพลาสติก เพื่อซ่อมท่อ HDPE ที่แตกและรั่วในบ้าน ซึ่งพบว่า Repair Clamp ใช้งานง่ายและติดตั้งได้รวดเร็ว สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที โดยไม่ต้องรอช่าง แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากอีกด้วย

ข้อดีของ Repair Clamp

  • ใช้งานง่าย ติดตั้งสะดวก
  • แก้ปัญหาท่อแตก รั่ว ได้รวดเร็ว
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเปลี่ยนท่อใหม่
  • มีให้เลือกหลายขนาดและวัสดุ

ข้อเสียของ Repair Clamp

  • ไม่เหมาะสำหรับท่อที่เสียหายรุนแรง
  • ต้องตรวจสอบและบำรุงรักษาสม่ำเสมอ
  • อายุการใช้งานอาจไม่ยาวนานเท่าการเปลี่ยนท่อใหม่

          Repair Clamp เป็นอุปกรณ์ที่ควรมีติดบ้านไว้ เพราะสามารถช่วยชีวิตยามท่อ HDPE เกิดปัญหาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากอีกด้วย แต่ควรเลือก Repair Clamp ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด






วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567

เจาะลึกวิธีการต่อท่อ HDPE แบบมือโปร ไม่พลาดทุกขั้นตอน

เจาะลึกวิธีการต่อท่อ HDPE แบบมือโปร ไม่พลาดทุกขั้นตอน

          สวัสดีครับเพื่อนช่างและผู้ที่สนใจงานท่อทุกท่าน! วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากการทำงานในสนามจริงเกี่ยวกับการ ต่อท่อ HDPE ให้ได้ผลลัพธ์ที่แข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ช่างมืออาชีพทุกคนควรมีติดตัวไว้

ทำไมต้องท่อ HDPE?

         ก่อนที่จะลงลึกไปในวิธีการ ผมขออธิบายสั้น ๆ ว่าทำไมท่อ HDPE ถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ท่อ HDPE หรือ High-Density Polyethylene เป็นท่อพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงดันและสารเคมีได้ดี มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และที่สำคัญคือไม่เป็นสนิม จึงเหมาะสำหรับงานระบบประปา ท่อน้ำทิ้ง ระบบชลประทาน และงานวางท่อใต้ดินอื่น ๆ

เตรียมตัวก่อนลุยงาน

          การเตรียมตัวที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ก่อนลงมือต่อท่อ HDPE เราต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นครบครัน ได้แก่:

  • เครื่องเชื่อมท่อ HDPE: หัวใจสำคัญของงานนี้ เลือกเครื่องที่เหมาะสมกับขนาดและชนิดของท่อ
  • อุปกรณ์ตัดท่อ: เลื่อยหรือกรรไกรตัดท่อ HDPE ที่คมและมีประสิทธิภาพ
  • อุปกรณ์ทำความสะอาด: ผ้าสะอาด แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาทำความสะอาดท่อ HDPE โดยเฉพาะ
  • อุปกรณ์วัดและทำเครื่องหมาย: ตลับเมตร ดินสอ หรือปากกาเคมี
  • อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล: ถุงมือ แว่นตานิรภัย หน้ากากกันฝุ่น

วิธีการต่อท่อ HDPE: 3 เทคนิคยอดฮิต

การต่อท่อ HDPE สามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่นิยมใช้กันมากในวงการมี 3 วิธีหลัก ๆ ดังนี้:

  1. การเชื่อมต่อแบบ Butt Fusion: วิธีนี้เหมาะสำหรับท่อขนาดใหญ่ เชื่อมต่อได้แข็งแรงมาก แต่ต้องใช้เครื่องเชื่อมที่มีราคาสูงและผู้เชี่ยวชาญในการใช้งาน

  2. การเชื่อมต่อแบบ Electrofusion: วิธีนี้ใช้ความร้อนจากขดลวดไฟฟ้าภายในข้อต่อในการเชื่อม ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับท่อขนาดเล็กถึงกลาง

  3. การเชื่อมต่อแบบ Mechanical Compression: วิธีนี้ใช้ข้อต่อและแหวนยางในการเชื่อม ไม่ต้องใช้ความร้อน ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และราคาประหยัด แต่ความแข็งแรงอาจไม่เท่าสองวิธีแรก

เจาะลึกวิธีการเชื่อมต่อแบบ Butt Fusion:

        เนื่องจากเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมาก ผมจะอธิบายวิธีการเชื่อมต่อแบบ Butt Fusion อย่างละเอียดให้ทุกท่านได้เข้าใจกัน

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมท่อ

  • ตัดท่อ HDPE ให้ได้ขนาดตามต้องการ โดยใช้เลื่อยหรือกรรไกรตัดท่อ HDPE ตัดให้ปลายท่อตั้งฉากและเรียบเสมอกัน
  • ทำความสะอาดปลายท่อทั้งสองด้านด้วยผ้าสะอาดและแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาทำความสะอาดท่อ HDPE เพื่อขจัดคราบไขมัน สิ่งสกปรก และความชื้น

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าเครื่องเชื่อม

  • ติดตั้งปลายท่อทั้งสองข้างเข้ากับเครื่องเชื่อมท่อ HDPE ให้แน่น
  • ปรับตั้งค่าอุณหภูมิและแรงดันของเครื่องเชื่อมตามขนาดและชนิดของท่อ HDPE ที่ใช้

ขั้นตอนที่ 3: เริ่มการเชื่อม

  • กดปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องเชื่อม เครื่องจะทำการให้ความร้อนกับปลายท่อทั้งสองข้างจนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด เครื่องจะทำการดันปลายท่อทั้งสองข้างเข้าหากันด้วยแรงดันที่เหมาะสม ปลายท่อจะหลอมละลายและเชื่อมติดกัน

ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบคุณภาพ

  • หลังจากการเชื่อมเสร็จสิ้นให้นำท่อออกจากเครื่องเชื่อมและปล่อยให้เย็นลงตามธรรมชาติ
  • ตรวจสอบรอยเชื่อมให้เรียบร้อย แข็งแรง และไม่มีรอยรั่ว

          จากประสบการณ์ของผม มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้การต่อท่อ HDPE ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:

  • เลือกเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ: เครื่องมือที่ดีจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ตรวจสอบสภาพท่อก่อนการเชื่อม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อ HDPE ที่ใช้ไม่มีรอยแตก รอยร้าว หรือความเสียหายอื่น ๆ
  • ทำความสะอาดปลายท่อให้สะอาด: ปลายท่อที่สะอาดจะช่วยให้การเชื่อมติดกันได้ดีขึ้น
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องเชื่อม: แต่ละเครื่องเชื่อมอาจมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย ควรอ่านคู่มือการใช้งานให้ละเอียดก่อนเริ่มงาน

คำเตือน: การทำงานกับเครื่องเชื่อมท่อ HDPE อาจเป็นอันตรายได้ ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลทุกครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

          การต่อท่อ HDPE ไม่ใช่เรื่องยาก หากเรามีความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมตัวมาอย่างดี ผมหวังว่าบล็อกโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านในการทำงานนะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์ถามได้เลยครับ!

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2567

อุปกรณ์ในการต่อท่อพีอี(HDPE)แบบหน้าจาน

อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับท่อ HDPE แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ชุดข้าง ใช้สำหรับประสานท่อพีอีกับอุปกรณ์ท่อ เช่น สามทางหน้าจาน ท่อลด ประตูน้ำ ฯลฯ ประกอบด้วย
1. หน้าแปลนพีอี (Stub End) 1 ตัว
2. แหวนเหล็กเหนียว (Backing Ring) 1 ตัว
3. สกรู 1 ชุด
4. ประเก็นยาง 1 แผ่น

2. ครบชุด ใช้สำหรับประสานท่อพีอีกับท่อพีอี เช่น ท่อชั้นคุณภาพไม่เท่ากัน ต่างโรงงาน ซ่อมท่อ ฯลฯ ประกอบด้วย
1. หน้าแปลนพีอี (Stub End) 2 ตัว
2. แหวนเหล็กเหนียว (Backing Ring ) 2 ตัว
3. สกรู 1 ชุด
4. ประเก็นยาง 1 แผ่น

อุปกรณ์ที่ใช้มีดังต่อไปนี้
1. Stub End ทำมาจากท่อหนาแล้วไปกลึงขึ้นรูป หรือหล่อให้ได้มิติตามมาตรฐาน ก่อนสั่งซื้อต้องระบุให้ชัดว่าเป็นชั้นความดัน(PN)อะไร,ชั้นคุณภาพเท่าใด PE 80 หรือ PE 100 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพท่อ HDPE ที่ใช้
clip_image004
2. Backing Ring ตามมาตรฐานของกปภ. ระบุว่าต้องทำมาจาก Ductile Iron แต่โดยทั่วไปโรงงานผลิตท่อ HDPE มักจะใช้เป็นเหล็กเหนียว ดังนั้น ก่อนสั่งซื้อต้องระบุให้ชัดว่าเป็นเหล็กหล่อหรือเหล็กเหนียว
clip_image006
3.สลักเกลียวและแป้นเกลียว ตามมาตรฐานของกปภ. ระบุว่าต้องทำมาจาก Ductile Iron ขนาดและความยาวของสลักเกลียวขึ้นอยู่กับขนาดของท่อและชั้นคุณภาพท่อด้วย อีกทั้งต้องระบุให้ชัดว่าใช้แบบชุดข้างหรือแบบครบชุด ปัญหาที่เจอบ่อยคือ ความยาวของสลักเกลียวไม่เพียงพอ คือใช้กับชุดข้างได้แต่ใช้กับแบบครบชุดไม่ได้
clip_image008
4. ประเก็นยาง ประเก็นยางของท่อพีอีจะใช้แบบ”หูยก”ไม่ต้องมีรูเหมือนกับประเก็นยางหน้าจานแบบงานท่อพีวีซี หรือท่อเหล็กเหนียว
clip_image010










วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

ทำไมต้องใช้ Ductile Cast Iron ในงานวางท่อ HDPE

        เหล็กหล่อ เป็นโลหะผสมระหว่างเหล็กกับคาร์บอน ซึ่งมีคาร์บอนผสมอยู่มากกว่า 2% (ที่ใช้งานจริงมักอยู่ในช่วง 2.5-4.0%) ธาตุผสมที่สำคัญอีกตัวหนึ่งก็คือ ซิลิคอน นอกจากนี้ก็ยังมี แมงกานีส กำมะถันและฟอสฟอรัส
เราอาจจะจำแนกเหล็กหล่อตามลักษณะของคาร์บอนในเหล็กหล่อนั้น ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้คือ
1) เหล็กหล่อเทา (Gray Cast Iron)
2) เหล็กหล่อขาว (White Cast Iron)
3) เหล็กหล่อเหนียว (Ductile Cast Iron) หรือเหล็กหล่อกราไฟท์กลม (Spheroidal Graphite Cast Iron)

1. เหล็กหล่อเทา (Gray Cast Iron)
คาร์บอนส่วนใหญ่ในเหล็กหล่อนี้ จะอยู่ในรูปของเกล็ดกราไฟท์ และส่วนที่เหลือจะอยู่ในโครงสร้างเพิร์ลไลท์ เหล็กหล่อเทาจึงนิ่ม ไม่เปราะนัก กลึงไสง่าย และทนการสึกหรอเนื่องจากการเสียดสีได้ดี มันจะไม่ทนต่อแรงดึง แต่ทนต่อแรงอัด การไหลลงในแบบหล่อที่บางได้ง่าย และการหดตัวเพียงเล็กน้อยตอนแข็งตัวของเหล็กหล่อเทานี้ ทำให้ได้ชิ้นงานหล่อออกมาส่วนงามมีความคมตามแง่มุมชัดเจน ฉะนั้นประมาณ 80% ของงานหล่อทั้งหมด จึงอยู่ในรูปของเหล็กหล่อเทา เช่นเครื่องยนต์ ที่ยึดรางรถไฟและฐานเครื่องจักรกลต่าง ๆ เป็นต้น
2. เหล็กหล่อขาว (White Cast Iron)
คาร์บอนทั้งหมดในเหล็กหล่อนี้จะอยู่ในรูปของซีเมนไตท์ เหล็กหล่อขาวจึงมีคุณสมบัติแข็งทนทานต่อการเสียดสี แต่เปราะ ไม่เหมาะกับการตัดหรือการกลึงไส
3. เหล็กหล่อเหนียว (Ductile Cast Iron) หรือเหล็กหล่อกราไฟท์กลม (Spheroidal Graphite Cast Iron)
โครงสร้างของเหล็กหล่อนี้คล้ายกับเหล็กหล่อเทา Ductile Cast Iron มีคุณสมบัติคล้ายกับเหล็กกล้ามาก คือ มีความแข็งแรงสูง มีความสามารถในการยืดตัวออกและสามารถขึ้นรูปได้ ใช้ทำชิ้นงานวิศวกรรม เช่น backing ring , สกรู-น๊อต ในงานวางท่อ HDPE เนื่องจากมีอายุการใช้งานได้นานกว่าการใช้เหล็กเหนียว








วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567

ค่าแรงในการเชื่อมท่อ HDPE

         ในการเชื่อมท่อ HDPE นั้น ผู้ที่เชื่อมได้ต้องผ่านการฝึกอบรมการเชื่อมท่อ HDPE ให้เกิดความชำนาญและเข้าใจวิธีการเชื่อมที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบัน ช่างเชื่อมท่อ HDPE ยังขาดแคลนอยู่มาก และทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็ได้จัดอบรมเป็นช่วงๆ
ปัจจุบันค่าแรงเชื่อมท่อ HDPE พอสรุปเบื้องต้นได้ดังนี้
- ท่อ HDPE ขนาด 110 มม. เมตรละ  70    บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 160 มม. เมตรละ  90    บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 200 มม. เมตรละ 105   บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 225 มม. เมตรละ 125   บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 315 มม. เมตรละ 155   บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 450 มม. เมตรละ 175   บาท
- ท่อ HDPE ขนาด 500 มม. เมตรละ 245  บาท
     ทั้งนี้ราคาจะสูงหรือต่ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่เชื่อม  ระยะทางการทำงาน   สภาพพื้นที่ก่อสร้าง   (ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าทดสอบน้ำ รถยกท่อเชื่อม )








วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567

ทำไมต้องใช้ท่อ HDPE เป็นท่อน้ำดื่ม

     ปัจจุบัน ในการวางท่อประปาจะแบ่งชั้นคุณภาพของท่อ HDPE ออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ
- ชั้นคุณภาพที่ 1 โพลีเอทิลีน (HDPE 63) ไม่นิยมใช้ คุณภาพต่ำ
- ชั้นคุณภาพที่ 2 โพลีเอทิลีน (HDPE 80) นิยมใช้ คุณภาพปานกลาง
- ชั้นคุณภาพที่ 3 โพลีเอทิลีน (HDPE 100) นิยมใช้ คุณภาพดีสุด
คุณสมบัติเด่นของท่อ HDPE สำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มในงานประปา ด้วยเหตุผลดังนี้
- ไม่เป็นสนิม ทนการกัดกร่อน จากเคมี เป็นวัสดุทึบแสง ไม่มีสารปนเปื้อน
- อายุการใช้งานยาวนานถึง 50 ปี
- การติดตั้งทำได้ง่ายโดยเชื่อมด้วยแผ่นความร้อน
- เลือกใช้ได้ตามแรงดันที่ต้องการเนื่องจากทนแรงดันได้ถึงสูงถึง 25 บาร์
- มีน้ำหนักเบา ขนส่งได้สะดวก
- มีความยืดหยุ่น ขณะขุดวางทำได้ง่าย กว่าท่อเหล็กและท่อพีวีซี

แต่อย่างไรก็ตาม ท่อ HDPE มีข้อเสีย กล่าวคือ ถ้าหาก แตก ชำรุด แล้วการซ่อมจะทำได้อยากกว่าท่อพีวีซีและท่อเหล็ก เนื่องจากต้องใช้เครื่องเชื่อมสำหรับเชื่อมท่อพีอีเท่านั้น





วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567

ข้อห้ามและไม่ควรทำในการวางท่อประปา

       ถ้าหากคิดจะรับเหมาวางท่อประปาผมขอแนะนำว่าเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังจึงไม่ควรทำในสิ่งต่อไปนี้
1. ห้ามใช้ลวดสลิงหรือโซ่ในการยกท่อประปา
2. การวางท่อประปาในทางเท้า/ถนน ควรใช้ทรายหยาบกลบไม่ควรใช้ทรายด้อยคุณภาพ(ขี้เป็ด) เพราะเมื่อทรายเจอะฝนตกภายหลังจะทำให้ทางเท้าหรือถนน ทรุดตัว และเสียหายแก่ส่วนรวม
3. ห้ามวางท่อประปาโดยเด็ดขาด กรณีตรวจพบว่าในร่องท่อมีเศษคอนกรีต หิน กรวด
4. ไม่ควรวางท่อประปาในช่วงสั้นๆ เช่น เว้นท่อตามซอยต่างๆ เนื่องจากสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากๆๆ
5. ห้ามใช้เครื่องจักรดันปลายท่อเพื่อต่อท่อในแต่ละท่อนโดยตรง เพราะแรงดันจากเครื่องจักรจะทำให้ท่อแตกเสียหายได้ง่าย




วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2567

ขั้นตอนในการวางท่อประปา

ขั้นตอนในการวางท่อประปาสรุปได้ดังนี้
1. สำรวจและกำหนดแนวขุดวางท่อประปาให้ชัดเจน และตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. ตีเส้นให้ชัดเจนและใช้เครื่องตัดคอนกรีตตามแนวท่อให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร (ถ้ามี)
3. ทุบคอนกรีตตามแนวขุดวางท่อประปา(ถ้ามี)
  • กรณีเป็นทางเท้าหน้าบ้าน ใช้รถแบคโฮชนิดติดตัวแย๊กเนื่องจากการวางท่อในเมืองมักจะเจอคอนกรีต 2 ชั้น การใช้รถแบคโฮจะเหมาะสมกว่า
  • หากเป็นถนนช่วงยาวๆควรใช้รถทุบคอนกรีตเพราะจะเร็วกว่าการใช้หัวแย๊ก
  • การใช้เครื่องลมแย๊กควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากสิ้นเปลืองค่าแรงและทำงานได้ช้า
4. ใช้เครื่องจักรตักเศษคอนกรีตใส่รถหกล้อดั๊มนำไปทิ้ง หากเป็นท่อขนาดเล็ก 100 – 150 มม. ควรใช้แรงงานขนเก็บไว้เป็นกองๆรอรถมาตักเป็นครั้งๆ
5. ใช้แรงงานหรือเครื่องจักรขุดร่องดินให้ได้ความลึกหลังท่อตามกำหนดและความกว้างห่างจากข้างท่อข้างละไม่น้อยกว่า 0.15 เมตรหรือตามความเหมาะสมเพื่อให้เครื่องบดอัดสามารถทำงานได้
6. ใช้แรงงานช่วยปรับดิน(หรือทรายหากในโครงการกำหนดให้กลบด้วยทราย)ในร่องท่อให้ได้ระดับ และต้องระวังไม่ให้มีเศษคอนกรีต ก้อนหิน กรวด อยู่ในแนวร่องท่อ หากมีต้องเก็บออกจากร่องท่อให้หมด
7. ก่อนยกท่อประปาลงร่องดินต้องตรวจสอบท่อว่าไม่แตก รั่ว ชำรุดเสียหาย จากนั้นจึง
  • ใช้แรงงานคนยกท่อประปาขนาด 100 – 250 มม.
  • ใช้เครื่องจักรพร้อมสายพานยกท่อ ขนาด 300 – 400 มม.
วางลงในร่องดินหรือทรายที่ปรับบดอัดแล้ว ตาม ข้อ 6และดำเนินการต่อท่อแต่ละท่อน
8. ก่อนการต่อท่อแต่ละท่อนต้องทำความสะอาดบริเวณข้อต่อ ,ภายในท่อแต่ละท่อนให้สะอาดเสียก่อน
9. กลบหลังท่อ,ข้างท่อด้วยทราย ประมาณ 0.15 ม. โดยรอบหากในโครงการระบุให้ใช้(หากไม่ระบุให้ใช้ดินร่วนกลบแทน) ต้องอัดและกระทุ้งดิน/ทรายให้แน่น ซึ่งต้องระวังไม่ให้เกิดอันตรายกับท่อที่วางไว้แล้ว โดยทำการบดอัดหลังท่อเป็นชั้นๆจนถึงระดับชั้นผิวทางเดิม
10. เมื่อเลิกหรือหยุดงานในแต่ละวัน จะต้องอุด/ปิดปลายท่อ เพื่อป้องกันเศษขยะ ดิน ไหลเข้าไปในท่อ
11. ทำการทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อเป็นช่วงๆ ความยาวที่ทดสอบกำหนดขณะก่อสร้าง
12. ทำการซ่อมผิวทางหรือทางเท้าคืนตามสภาพเดิม